The Gift From Eden: ของขวัญจากสวนอีเดน
เรื่องย่อ :
ปีศาจแสนชั่วหลายหมายปองจะครองมนุษย์ พระเจ้าจึงมอบของขวัญจาสวนอีเดนให้ เพื่อปราบพวกปีศาจ
เผยแพร่ :
22/06/2025 14:29
อัปเดตล่าสุด :
01/07/2025 22:21
เกี่ยวกับนักเขียน

ณ ปราสาทจอมมาร ช่วงเวลาก่อนที่ผู้กล้าอูเธอร์จะสามารถพิชิตจอมมารได้
ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีดำมืดอันรกร้างราวกับว่าได้ถูกเปลวเพลิงของดวงอาทิตย์เผาจนมอดใหม้ มีปราสาทขนาดใหญ่สูงเสียดฟ้าตั้งอยู่และในขนะนี้เองทุ่งหญ้าแห่งความตายที่สมควรจะเงียบไร้ซึ่งเสียงของสิ่งมีชีวิต มันก็ได้มีเสียงของการต่อสู้ฟาดฟันกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทั้งสองฝั่งระหว่างจอมมาร และเหล่าผู้กล้า
"ระวัง สเตลล่า! ใช้เวทย์คุ้มกันพวกเราเร็วเข้า! เมอร์ลิน!" เสียงของหนุ่มวัยราวๆ 28 ปีดังขึ้นเพื่อสั่งการเพื่อนๆของเขาให้เตรียมตั้งรับพร้อมกับโจมตีใส่จอมมารอย่างขึงขัง และเขาก็คือ อูเธอร์ผู้กล้าที่เหล่ามนุษยชาติได้ฝากฝังความหวังในการกำจัดจอมมารไว้ที่เขา และในตอนนี้ก็เป็นศึกสุดท้ายที่จะตัดสินชะตากรรมของมนุษยชาติหลังจากที่พวกเขาได้เผชิญกับกองทัพจอมมารมานับครั้งไม่ถ้วน
"พลังเวทย์คือเรื่องของการนึกภาพ นึกภาพ นึกภาพ..... ย้า!!" นักเวทย์วัยไกล้ฝั่งได้พูดย้ำเตือนความจำของตนเพื่อให้ร่ายเวทย์ป้องกันที่อูเธอร์ได้สั่งการไว้ออกมา เขาได้กางออกมาสำเร็จและมันสามารถป้องกันพลังเวทย์อันมหาศาลที่ปล่อยออกมาจากจอมมารในรูปของเปลวเพลิงสีส้มอันร้อนแรงได้อย่างหวุดหวิด และเมื่อจอมมารได้ปล่อยพลังเสร็จจนคิดว่าพวกผู้กล้าทั้งสี่ไม่น่าจะรอดแล้วนั่นเอง อูเธอร์ก็ได้วิ่งขึ้นไปบนอากาศด้วยพลังเวทย์ลมที่สเตล่าเป็นคนร่ายให้หวังจะฟันในตอนที่จอมมารกำลังเผลอ และด้วยความเร็วกับความสามารถทางดาบของอูเธอร์ มันก็ทำให้จอมมารต้องมีแผลฉกรรจ์ตรงอกเป็นรอยกว้างและนั่นทำให้จอมมารร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และมันก็ได้ร่วงหล่นลงสู้พื้นดินอันดำมืดของตนเอง และดิ้นทุรนทุรายเพราะรอยแผลนั้นไม่ได้แค่สร้างความเจ็บปวดทางกาย แต่มันยังทำความเจ็บปวดทางจิตใจให้แก่จอมมารเป็อย่างมากอีกด้วย
"นี่แก นี่แกใช้เวทย์ด้านมืดได้งั้นหรอ!?" จอมมารได้พูดถามกับอูเธอร์ในขณะที่มันกำลังค่อยๆดันตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างเจ็บปวด
"ไช่ ฉันใช้เวทย์ด้านมืดได้เรื่องนี้ไม่มีใครรู้มีเพียงแค่เพื่อนๆในปาร์ตี้ของฉันเท่านั้นที่รู้ และเวทย์นี้ก็มีไว้เพื่อกำจัดแกโดยเฉพาะเพลงดาบดาราจักรที่ 13" อูเธอร์ได้ง้างดาบเตรียมจะฟันคอของจอมมารเพื่อยุติการต่อสู้แต่ทว่า เบอร์ลิน นักดาบใหญ่ที่เหมือนจะเห็นความผิดปกติบางอย่างของจอมมารเขาได้พุ่งไปตั้งรับกับการโจมตีของจอมมารที่พุ่งเข้าหาอูเธอร์เพียงเสี้ยววิเท่านั้นได้ทัน
"เบอร์ลิน นี่นายทำอะไรน่ะ!?" อูเธอร์ถามเบอร์ลินที่ทำท่าเอาดาบอันใหญ่โตตั้งรับอยู่
"ก็มันจะโจมตีด้วยพลังเนตรใส่นายน่ะสิเจ้าโง่!" เบอร์ลินพูด และทั้งสองก็ได้กระโดดถอยไปตั้งรับเพื่อดูเชิงของอีกฝ่าย และในตอนนั้นนั่นเองที่จอมมารได้ร่ายคาถาอะไรบางอย่างด้วยภาษาที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้ขึ้นมา และแน่นอนว่าการร่ายเวทย์ที่นานขนาดนี้อูเธอร์ก็ได้คิดที่จะโจมตีไปที่จอมมารทันที แต่ทว่าเบอร์ลินก็ได้ห้ามไว้พร้อมกับปาหินเข้าไปแล้วปรากฏว่าหินนั้นถูกทำลายทิ้งไปทันทีที่เข้าไกล้ตัวของจอมมาร หลังจากที่ฝั่งผู้กล้ากำลังรอตั้งรับกับการจู่โจมของจอมมารที่อาจจะมาตอนไหนก็ได้อยู่นั่นเอง จู่ๆก็มีคลื่นพลังสีแดงระเบิดออกทั่วทุกทิศทางอย่างรุนแรง แต่โชคดีที่กลุ่มของผู้กล้าได้เวทย์โล่ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงของเมอร์ลินป้องกันคลื่นกระแทกนั้นไว้ได้
"โอ้โห้ ถึงขั้นที่ว่าโล่ระดับสูงสุดที่มนุษย์ร่ายได้ยังร้าวเลย ถ้าขืนว่าข้ากางโล่ระดับต่ำกว่านี้เพียงนิดเดียว พวกเราอาจจะตายกันหมดแล้วก็ได้นะ ระวังด้วยอูเธอร์" เมอร์ลินได้กล่าวเตือนกับอูเธอร์ ทั้งสี่คนก็ได้รีบจัดกระบวนทัพทันที และอูเธอร์ก็ได้ทำสัญญาณมือบางอย่างออกมา และหลังจากนั้นเพียงแค่วินาทีเดียว ทั้งอูเธอร์และเบอร์ลินก็ได้รีบวิ่งเข้าไปหวังจะโจมตีใส่จอมมารอย่างรุนแรงในหมอกควันสีแดงที่ครุยเคลือของจอมมารนั้น แต่การโจมตีของพวกเขาก็ไร้ผลทันทีเมื่อจอมมารได้สะบัดดาบรูปร่างหน้าเกลียดเล่มหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
"นั่นมัน?! ดาบอะไรน่ะ?!" ทั้งเบอร์ลินและอูเธอร์ได้อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจในรูปร่างของดาบที่น่ารังเกียจและน่ากลัวเป็นอย่างมาก
"ดาบอะไรของแกน่ะ เจ้าปีศาจ!" อูเธอร์กล่าว ในขณะที่จอมมารกำลังง้างดาบหวังจะฟันทุกคนให้จบสิ้น
ฟิ้ว!!
เพียงแค่การตวัดดาบเพียงครั้งเดียว มันก็ได้ปล่อยคลื่นพลังเวทย์หนาแน่นออกมาและถึงแม้ว่าครั้งนี้เบอร์ลินกับอูเธอร์จะกันไว้ได้ แต่พวกเขาก็ได้บาดแผลสาหัสมาพร้อมกับดาบของทั้งสองที่แตกหักออกจนไม่สามารถใช้การได้ เมอร์ลินและสเตลล่าที่อยู่ข้างหลังมั้งสองถึงจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ด้วยพลังเวทย์ของทั้งสองที่มีมากล้นเหนือคนทั่วไป ทำให้บาดแผลที่ควรจะหนักมันเบาลงได้อย่างช้าๆ และด้วยสภาพอาการบาดเจ็บที่ต่างกัน ทำให้นักเวทย์ทั้งสองต้องเข้าไปพยุงดูอาการของนักดาบทั้งสองคนทันที
"ข้าก็ไม่รู้หรอกว่าดาบเล่มนี้มันมาจากไหน แต่ข้าได้ยินเสียงของมัน เสียงของมันที่กำลังบอกให้ข้าทำลายทุกสิ่ง และขึ้นปกครองโลกนี้พร้อมกับกำจัดเทพเจ้าทิ้งเสียให้หมดยังไงล่ะ!!" จอมมารได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่บ้าคลั่ง แต่ในขณะที่จอมมารกำลังบ้าคลั่งอยู่นั้นเอง อูเธอร์ก็ได้ลุกขึ้นอย่างช้าๆในขณะที่เขากำลังจับด่บของตนที่หักอยู่อย่างหนักแน่น
"ต่อให้แกจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่มนุษย์อย่างพวกเราก็จะไม่มีวันแพ้ และตัวฉันเองก็จะกำจัดแกให้สิ้นด้วยทุกอย่างที่มีเพราะทุกคนได้ฝากฝังความหวังมากับฉัน และเพื่อนๆในปาตี้แล้ว ดังนั้นพวกเราจะไม่ยอมเด็ดขาด!" อูเธอร์ได้ตั้งท่าเตรียมต่อสู้อีกครั้ง ส่วนเบอร์ลินก็ได้ตั้งการ์ดเตรียมใช้หมัดของตน และนักเวทย์ทั้งสองก็ตั้งท่าพร้อมที่จะสู้อีกครั้ง
"สเตลล่า! ใช้เวทย์นั่น! เบอร์ลินเตรียมโล่และบัพ เบอร์ลินไปทางตรงข้าม!" ผู้กล้าได้สั่งการอย่างหนักแน่นภายใต้สภาพบาดเจ็บหนักของตนอีกครั้ง และทั้งสี่คนก็ประสานงานกันได้ดี เบอร์ลินได้ออกวิ่งไปอย่างรวดเร็วและเข้าประชิดกับจอมมารได้และทันทีที่เขาได้เข้าประชิดเขาก็ได้รัวหมัดใส่จอมมารอย่างไม่ยั้งมือ และถึงมันจะช้าสำหรับมุมมองของจอมมารและมันก็สามารถกันได้หลายหมัด แต่ทว่ามัดไหนที่พลาดจากการป้องกันของจอมมารได้มันก็กระแทกเข้าร่างกายของจอมมารอย่างหนักหน่วง และด้วยอาการบาดเจ็บจากการโดนหมัดอันหนักหน่วงของเบอร์ลินกระแทกเข้าไปนั่นเอง มันก็ทำให้จอมมารได้เซเล็กน้อย ก่อนที่เบอร์ลินจะหมอบลงและปล่อยให้เธอใช้พลังเวทย์บางอย่าง
"สลายอาวุธ!" ทันทีที่สเตล่ากล่าวคำร่าย มันก็ได้ก่อเกิดออร่าสีจาวที่ดาบอันน่ารังเกียจของจอมมาร และดาบของจอมมารก็ทำท่าเหมือนกับว่ามันจะสลายหายไปแต่ทว่ามันก็ไม่ได้หายไป และนั่นทำให้ฝั่งของผู้กล้าตกใจเป็นอย่างมาก เพราะโดยปกติแล้วจะไม่มีอาวุธไหนที่ป้องกันการสลายจากเวทย์มนต์สลายอาวุธได้ แต่ดาบเล่มนี้กลับทำได้ จอมมารเมื่อเห็นแบบนั้นจึงได้หัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
"ดาบเล่มนี้ไม่สลายเพียงเพราะเวทย์มนต์โง่ๆของพวกเจ้าหรอกนะ!! ฮ่าๆๆ!!" ในขณะที่จอมมารกำลังหัวเราะได้ใจอยู่นั่นเอง จู่ๆก็ได้มีดาบเล่มหนึ่งแทงเข้ามาจากข้างหลังและทะลุอกของจอมมารทันที และดาบเล่มสีทองที่ดูเหมือนจะไม่มีตัวตนนั้นเองมันก็ได้สร้างความทรมานทั้งกายและใจของจอมมารมากกว่าปกติหลายเท่า
"นี่.....อึ้ก! แก! มาแทงข้าได้ตอนไหนกัน?!" จอมมารถามผู้ที่เอาดาบแทงจากข้างหลังของตน
"หึ บอกแล้วไงว่าฉันจะไม่ยอมแพ้ และอีกอย่างฉันใช้เวทย์ด้านมืดได้นะ" เมื่ออูเธอร์ที่เป็นคนแทงได้ตอบคำตอบนั้น มันก็ทำให้จอมมารคิดได้ว่าผู้ทีมีเวทย์ด้านมืดจะสามารถลบตัวตนของตัวเองได้และนั่นอาจจะเป็นเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องถูกแทง และหลังจากนั้นสเตล่ากับเมอร์ลินก็ได้ระดมยิงเวทย์ทุกอย่างที่เป็นเวทย์จู่โจมเท่าที่ทั้งสองจะนึกออกรุมใส่จอมมารจนร่างของปีศาจอันสูงส่งได้ล้มลงทาบกับผืนดินและกำลังจะดับสูญ กลุ่มผู้กล้าได้ค่อยๆเดินมาดูวาระสุดท้ายของจอมมารผู้ชั่วร้ายอย่างระมัดระวัง ทั้งสี่ได้เห็นสีหน้าของจอมมารที่เจ็บปวดแต่ก็ปะปนไปด้วยความใจเย็นราวกับไม่ได้กลัวความตายที่กำลังจะกลืนกินตนเองเลยแม้แต่น้อย
"ตราบใด.....ตราบใดที่แสงสว่าง...ยังมีสิ่งรายรอบอยู่..มันก็ย่อมต้องมีเงา และข้าก็คือเงานั้นตราบใดที่แสงสว่างหรือสิ่งรายรอบไม่หายไป...เงาอย่างข้า...จะ...กลับ....มา" จอมมารได้สิ้นใจลงพร้อมกับสลายหายไปท่ามกลางสายลมที่หนาวเหน็บ ผู้กล้าทั้งสี่ได้ยืนมองท้องฟ้าที่ค่อยๆมีแสงสว่างอันอบอุ่นลงมา แม้ว่าทั้งสี่จะสงสัยกับคำพูดสุดท้ายของจอมมารแต่ด้วยความเหนื่อล้าและอาการบาดเจ็บมันก็ทำให้ทั้งสี่ไม่ได้ให้น้ำหนักกับคำพูดของจอมมารมากนัก "เออจะว่าไป พวกเราบาดเจ็บกันอยู่นี่หน่าแล้วจะมายืนมองท้องฟ้ากันทำไมล่ะเนี่ย?" อูเธอร์กล่าว และทั้งสี่ก็ได้เดินทางกลับแคมป์ที่พักของตนเพื่อรักษาบาดแผลและพักผ่อน
หลังจากนั้นกลุ่มผู้กล้าอูเธอร์ก็ได้เดินทางกลับบ้านเกิดที่จากมา และทั้งสี่ก็ได้รับการยกย่องเป็นผู้กล้ากลุ่มแรกและกลุ่มเดียวที่ปราบจอมมารได้และสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ครบทุกคนอย่างที่ไม่ได้บาดเจ็บปางตาย และนี่คือเหตุการณ์เมื่อ 1014 ปี ก่อนที่มีการบันทึกไว้