ยอดเข้าชม41
จำนวนตอน21
ความคิดเห็น0

ไดอารี่สีชาด

โดย : BluelemonSky

เรื่องย่อ :

ทุ่งลาเวนเดอร์ของฉันเติมไปด้วยกองไฟเพราะโลกนี้คนที่อยู่รอดคือคนรวย จนโชคชะตาเล่นตลกกับชีวิตฉันโดยการให้ฉันได้ย้อนเวลากลับมาจัดการ คนที่จะปิดปากฉันฉันและเพื่อนๆและสร้างอนาคตใหม่กันอย่างมีความสุข(หรือเปล่า)

เผยแพร่ :

20/06/2025 21:59

อัปเดตล่าสุด :

04/07/2025 11:55

แท็ก:
รักต้องห้ามเห็นการเติบโตของพระนางโรงเรียนมหาลัย

เกี่ยวกับนักเขียน

writer
BluelemonSky
เรื่อง : 0ผู้ติดตาม : 1

นิยายแนะนำ

ในวันที่แดดจัดในเดือนเมษายนฉันไพริน กำลังเดินทางจากนนทบุรีไปนครสวรรค์เพื่อจะไปหาพ่อสุดที่รัก แต่ด้วยความเหงาเลยฉันเปิดดูไลฟ์สดของเพื่อน ( สนิท )จนเวลาผ่านไป 1ชั่วโมงก็ได้แวะที่จังหวัดสิงห์บุรี

"แวะซื้อของหน่อยดีกว่า" หลังจากที่รถหยุดฉันเลยเดินลงไปที่ร้านสะดวกซื้อแล้วความที่เดินไม่ดูทางก็เลยเดินไปชนกับผู้ชายคนหนึ่งที่อายุน่าจะเท่ากับหญิงสาว อีกทั้งยังใส่แว่นหนาและดัดฟัน

"ขอโทษนะคะ เป็นอะไรหรือเปล่า" ฉันกล่าวแล้วถามผู้ชายคนที่ฉันชนจนแว่นตาเขาหลุด ฉันเลยหยิบแว่นให้ก่อนที่ฉันจะโบกมือลา เพราะตอนนี้ถึงเวลาออกเดินทางต่อแล้ว หลังจากถึงที่หมายฉันก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น เพราะมันทำให้รู้ว่าพ่อมีแม่เป็นเมียน้อย และเพราะเห็นพ่ออยู่กับลูกสาวอีกคนซึ่งเขาอายุเยอะกว่าฉันตั้ง5ปี ด้วยหน้าตาที่ร่าเริงและเป็นสาวตามเทรนที่ดูจะรักพ่อตัวเองมากๆ ฉันเลยตัดสินใจจะไม่กลับไปหาพ่ออีก มันคงดีถ้าลูกอีกคนเขาไม่รู้ว่าพ่อของตัวเองได้ไปมีเมียน้อย

“สวัสดีค่ะน้าหนูจะกลับบ้านแล้วค่ะ” ฉันได้โทรไปหาน้าสาผู้เป็นคนเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็กและเขาไม่เคยบ่นเรื่องค่าดูแลเลยสักนิด

"มีอะไรเหรอไพรินถึงโทรมาหาน้า" น้าสาถามฉันเพราะเสียงของฉันนั้นมันไม่ได้มีเสียงแห่งความสุขเหมือนทุกทีแต่กับเป็นเสียงที่เศร้า

“หนูจะไม่กลับไปหาพ่ออีกแล้วค่ะ หนูรู้สึกว่าที่พ่อชอบให้หนูมาหาได้แค่ช่วงปิดเทอมใหญ่ เพราะลูกสาวอีกคนไปเที่ยวกับเพื่อนเหมือนที่น้าเคยบอกเลย” ฉันเล่าในสิ่งที่เห็นทั้งหมดให้น้าสาฟังก่อนที่ท่านจะคุยตอบกลับมาว่า

"ไหนๆ ก็จะกลับแล้วแวะไปไหว้อัฐิของแม่หนูหน่อยไหม" น้าสาได้บอกฉัน ก่อนที่จะตอบท่านไป

“ก็ดีค่ะ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่หนูไปไหว้อัฐิแม่คนเดียวด้วย” ฉันพูดไปแล้วก็ร้องไห้ไปเพื่อปลดปล่อยความเศร้าออกมา แล้วก็ขึ้นรถสองแถวเพื่อไปลงที่วัด

ณ.วัดแห่งหนึ่ง

“หนูจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้แม่ช่วยหนูด้วยนะคะ” ฉันได้ไหว้อัฐิของแม่ตัวเองแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลจนน้ำตาไม่ไหลออกมา แล้วอยู่ๆก็มีคนมาทักฉัน

"ไงไพรินปีนี้มาคนเดียวเหรอจ๊ะ " ป้าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทแม่ถามฉันที่หน้าตาดูเศร้าฉันเลยตอบป้าเขาไปว่า

“ใช่ค่ะพอดีหนูอยากมาคนเดียว” ฉันได้บอกป้าไปด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงจากนั้นก็ทำหน้านิ่งใส่ป้า เพื่อส่งสัญญาณว่าฉันอยากจบบทสนทนานี้เต็มที

“ไปบ้านป้าสิอุตส่าห์มาทั้งที จะได้คุยเรื่องแม่หนูตอนสาวๆด้วย” ป้าชวนฉันไปบ้านของเขา แต่เหมือนฉันจะไม่ทันสังเกตว่าป้าแกจับแขนฉันเหมือนจะลากฉันขึ้นรถ แต่ดีที่มีรถผ่านมาฉันเลยพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์

“หนูบอกแล้วไงว่าไม่ไป หนูจะกลับบ้าน” ฉันสะบัดมือออกจากป้า แล้ววิ่งขึ้นรถเมล์ที่ผ่านมาพอดี ฉันไม่หันกลับไปหาป้าแกอีกเพราะฉันไม่ค่อยชอบป้าคนนี้เลย เพราะแต่ละเรื่องที่เล่าก็มักจะเปรียบฉันกับแม่เรื่องความสวยเพราะนี้ก็อยู่ในปี2565แล้วนะ ด้วยความเบื่อฉันเลยทักไปหาพลอยผู้เป็นเพื่อนสนิทของฉันแล้วเป็นคนเดียวที่เข้ามาช่วยฉันที่มักจะชอบโดนเพื่อนในห้องแกล้ง

"ไงไพรินไหนว่าจะได้ไปหาพ่อไงทำไมถึงร้องไห้ล่ะ" พลอยถามฉันด้วยความสงสัยเพราะฉันเป็นคนร้องไห้ยากมากในระดับที่เพื่อนแกล้งแรงก็ยังไม่ร้องเลย

“วันพรุ่งนี้ว่างไหมเราอยากไปช๊อปปิ้ง” ฉันบอกกับพลอยที่อยู่ในสายก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบว่า

"โทษทีพอดีวันพรุ่งนี้ต้องไปหาป้าที่ต่างจังหวัด" พลอยบอกก่อนที่ฉันจะคิดอะไรนิดหน่อยแล้วตอบพลอยกลับไป

“เคไม่เป็นไร แล้วค่อยเจอกันนะ” ฉันวางสายแล้วนั่งคิดกับตัวเองว่าจะหาวิธีคลายเครียดอย่างไงก่อนจะมีเสียงไลน์ดังขึ้น

(ก้าวหน้า:อรุณสวัสดิ์ครับที่รักถึงบ้านพ่อยังเหรอ) คนที่คุยด้วยคนนี้จะบอกว่าเป็นแฟนตัวจริงเลยก็ไม่ใช่เพราะเราเจอกันในโอเพนแชทซึ่งพวกเราไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน

(ไดมอนด์:ถึงแล้วค่ะแต่พ่อไม่อยู่เขาไปต่างจังหวัด) ฉันก็พิมพ์ตอบกลับไปแล้วสักพักหนึ่งรถเมล์ที่ขึ้นมาก็จอดที่บขส.ฉันเลยไปซื้อตั๋วจากนครสวรรค์ไปนนทบุรี แล้วก็นั่งรถกลับบรรยากาศรอบตัวก็มีแต่ความเงียบ

16.30 จังหวัดนนทบุรี

“กลับบ้านดีกว่า” หลังจากที่ลงจากรถอยู่ดีๆ ก็เสียงมือถือดังขึ้นในตอนนี้ไม่พนักงานส่งของก็โรงเรียนที่ฉันสอบชิงทุนไว้ เพราะฉันเองก็อยากลองดูว่าตัวเองจะได้ไหม ฉันรับสายแล้วทักทายด้วยคำว่าสวัสดีค่ะ

"ใช่คุณวีรดาไหมคะ" คนในสายถามฉันฟังแล้วน่าจะเป็นผู้ใหญ่ที่ทำงานราชการแน่นอนเพราะน้ำเสียงที่ผ่านโทรศัพท์ฟังดูจริงจัง

“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรเหรอคะ” ฉันได้ถามคนในสายอย่างสุภาพเพราะฉันมั่นใจว่าคนในสายไม่ใช่คอลเซ็นเตอร์ แต่เผื่อไว้ก่อน

“คุณได้สอบเข้าที่โรงเรียนของเราผ่านแล้วค่ะ” ฉันทำหน้าดีใจมากเพราะที่นั่นถือเป็นโรงเรียนชั้นนำของจังหวัด ไม่ว่าใครก็อยากเข้ากันทั้งนั้นแถมใครจบจากที่นี่ก็มักได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยดังๆในกรุงเทพทั้งนั้น

“ขอบคุณมากนะคะที่ติดต่อมาค่ะ” ฉันขอบคุณคนในสายก่อนที่เขาจะกดวางสาย

 

ตอนทั้งหมด 21 ตอน
No data
No data